ทำไมถึงห้ามพลาด เทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติ 2018

International-Jazz

เทศกาลดนตรีนับว่าเป็นการคิดค้นอีเวนต์แนวใหม่ที่ได้รับอิทธิพลมาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลดนตรีร็อค ดนตรีป๊อป และอีกมากมายแต่ดนตรีที่เหมาะมาทำเทศกาลดนตรีอย่างมากหนีไม่พ้นดนตรีแจ๊ส เนื่องจากเป็นดนตรีฟังสบาย ฟังได้ตลอดงาน อีกทั้งดนตรีแนวนี้มีแฟนคลับเหนียวแน่นด้วย อย่าง เทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติ 2018 ใครชอบเพลงแจ๊สบอกเลยไม่น่าพลาด เพราะว่า

ดนตรีแจ๊ส กับอากาศในเชียงราย คือความลงตัว

เทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติ 2018 หนนี้ เค้าไปจัดกันที่ไร่ สิงห์ปาร์ค เชียงราย เหนือสุดของประเทศบวกกับอากาศหนาวเย็นกำลังพอดี แต่สำหรับคนหนีกรุง หนีเมืองใหญ่เที่ยวอาจจะบอกว่าหนาวเย็นจนสั่นเลยก็ว่าได้ มารวมกับ ดนตรีแจ๊สฟังสบายๆ เมื่อทั้งสองอย่างมารวมกัน นั่นคือความลงตัวอย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้ ฟังเพลงสบายๆกับเพื่อน นั่งฟังด้วยกัน คุยกัน กินอะไรด้วยกัน ฟินไปด้วยกัน เป็นบรรยากาศโรแมนติคอย่างที่สุด

นักดนตรีที่มาไม่ซ้ำ

ว่ากันเรื่องนักดนตรีที่จะมาแสดงในงานกันบ้าง ส่วนใหญ่แล้วนักดนตรีทีมงานผู้จัดมักจะไม่เชิญคนซ้ำมา อย่างคราวนี้ไฮไลต์ของงานได้แก่ ไบรอัน แม็กไนต์ ศิลปินจากนิวยอร์คผู้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่มากถึง 16 ครั้ง ความสามารถด้านดนตรีของเค้าไม่ว่าจะเป็น นักร้อง นักแต่งเพลง นักเรียบเรียง โปรดิวเซอร์ และอีกมากมาย เค้ามาครั้งนี้เป็นครั้งแรกอีกด้วย สองเป็น โจอี้ อเล็กซานเดอร์ หนุ่มน้อยนักเปียโนอัจฉริยะตั้งแต่วัย 13 ปี แน่นอนว่าทั้งสองคิวงานแน่นมากถือว่าเป็นโชคดีของเรา หากได้ไปชมการเล่นสดของเค้าในงานเทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติ 2018 หากไม่ไปดูเค้าตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมาอีกเมื่อไร เพราะปีหน้าทีมงานอาจจะเชิญศิลปินคนอื่นมาแทนเราก็พลาดไป

ด้านศิลปินไทยเองก็เช่นกัน ศิลปินหลายคนเราอาจจะไม่ได้มีโอกาสพบเจอเค้ามากนัก อย่าง โก้ มิสเตอร์แซ็คแมน เราก็หาโอกาสเจอเค้าเล่นสดยาก การไปงานเทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติครั้งนี้นับว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เจอ พี่โก้ แบบเต็มๆได้ฟังสด เห็นเค้าเล่นสดด้วย ไม่ไปถือว่าพลาดจริง

กิจกรรม workshop ภายในงาน

เทศกาลดนตรีนานาชาติ 2018 ไม่ได้มีแต่การไปนั่งฟังดนตรีเท่านั้น เค้ายังมีกิจกรรมอื่นเกี่ยวกับดนตรีแจ๊ส หรือ ศิลปะแขนงอื่นที่น่าสนใจอีกด้วย อย่างคราวนี้ผู้จัดได้เตรียมกิจกรรม workshop ภายในงานให้ผู้เข้าร่วมได้ศึกษา หรือ ร่วมทดลองดนตรีแจ๊สอีกด้วย ใครที่อยากรู้จักแจ๊สให้มากขึ้นการได้ทดลองในงาน รวมถึงทดลองฟังด้วยก็เป็นตัวเลือกที่ดี หากทดลองแล้วไม่ชอบก็ไม่ว่ากัน แต่หากไม่ได้ทดลองแล้วมาตัดสินเลยนับว่าน่าเสียดาย นี่แหละคือสิ่งที่เราอยากบอกว่าถ้าไม่ไปเทศกาลดนตรีครั้งนี้คือพลาด